
ฟันผุ (Tooth Decay) เป็นปัญหาทันตกรรมที่พบบ่อยที่สุด แต่หลายคนมักมองข้ามเพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย จนกระทั่งมีอาการปวดรุนแรง การปล่อยฟันผุไว้โดยไม่รักษาสามารถนำไปสู่ปัญหาที่ซับซ้อนและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นได้ บทความนี้ Teeth Talk Dental Clinic ได้รวบรวมทุกข้อมูลสำคัญที่คุณต้องรู้ ตั้งแต่ฟันผุเกิดจากอะไร สัญญาณเตือนในแต่ละระยะ ไปจนถึงแนวทางการรักษาและวิธีป้องกันที่ถูกต้อง เพื่อช่วยให้คุณดูแลสุขภาพช่องปากให้แข็งแรง และรักษารอยยิ้มที่สวยงามไว้ได้นานที่สุด
ฟันผุเกิดจากอะไร?
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือฟันผุเกิดจากการกินของหวานเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้ว สาเหตุของฟันผุนั้นซับซ้อนกว่านั้น โดยมี 4 องค์ประกอบหลักที่ทำงานร่วมกัน ดังนี้
- แบคทีเรียในช่องปาก : เชื้อโรคเหล่านี้จะรวมตัวกับเศษอาหารและน้ำลายกลายเป็นคราบเหนียวที่เรียกว่า “คราบพลัค” ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกรดชั้นดี
- น้ำตาลและแป้ง : เป็นแหล่งอาหารโปรดของแบคทีเรีย ยิ่งเรารับประทานบ่อย แบคทีเรียก็ยิ่งมีพลังงานในการสร้างกรดมาทำร้ายฟัน
- กรดที่ทำลายผิวฟัน : กรดที่แบคทีเรียสร้างขึ้นจะค่อย ๆ กัดกร่อนแร่ธาตุบนผิวเคลือบฟัน (Enamel) ทำให้โครงสร้างฟันอ่อนแอลง
- พฤติกรรมและระยะเวลา : หากปล่อยให้มีสภาวะเป็นกรดในช่องปากเป็นเวลานานจากการกินจุบจิบ หรือละเลยการทำความสะอาด ฟันก็จะถูกทำลายอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นรูผุในที่สุด
ฟันผุอาการเป็นอย่างไร มีกี่ระยะ?

อาการฟันผุจะแตกต่างกันไปตามความรุนแรง การรู้เท่าทันอาการในแต่ละระยะจะช่วยให้คุณเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที ซึ่งแบ่งได้เป็น 4 ระยะหลักดังนี้
ระยะที่ 1 : ฟันผุระยะแรก (เริ่มที่เคลือบฟัน)
ในระยะนี้ การผุจะเกิดขึ้นแค่บนผิวเคลือบฟันชั้นนอกสุด คุณอาจสังเกตเห็นเป็นจุดสีขาวขุ่นหรือสีน้ำตาลบนตัวฟัน ซึ่งเป็นสัญญาณของการสูญเสียแร่ธาตุ โดยส่วนใหญ่แล้วจะยังไม่มีอาการเจ็บปวดหรือเสียวฟันใด ๆ ทำให้คนส่วนมากมักไม่รู้ตัว
ระยะที่ 2 : ฟันผุลามถึงชั้นเนื้อฟัน
เมื่อการผุลุกลามผ่านชั้นเคลือบฟันเข้าไปถึงชั้นเนื้อฟัน (Dentine) ซึ่งมีความอ่อนแอกว่า และมีท่อเล็ก ๆ ที่เชื่อมต่อไปยังเส้นประสาทฟัน คุณจะเริ่มมีอาการเสียวฟันชัดเจนขึ้นเมื่อรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ร้อนจัด เย็นจัด หรือมีรสหวานจัด และอาจมองเห็นรูผุบนตัวฟันได้
ระยะที่ 3 : ฟันผุทะลุโพรงประสาทฟัน
เป็นระยะที่หลายคนเริ่มทนไม่ไหว และต้องรีบรักษาโดยด่วน เพราะการติดเชื้อได้ลุกลามเข้าไปถึงโพรงประสาทฟัน ซึ่งเป็นที่อยู่ของเส้นเลือดและเส้นประสาทแล้ว ทำให้เกิดอาการปวดรุนแรงขึ้นเป็นพัก ๆ ปวดตุบ ๆ หรือปวดมากในเวลากลางคืน
ระยะที่ 4 : ฟันผุลุกลามถึงปลายรากฟัน
หากยังปล่อยทิ้งไว้ เชื้อโรคจะลุกลามออกจากปลายรากฟัน และทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้ออย่างรุนแรงบริเวณกระดูกรอบรากฟัน อาจเกิดเป็นฝีหรือตุ่มหนองที่เหงือก มีอาการปวดรุนแรงตลอดเวลา เคี้ยวไม่ได้ เหงือกบวม หรืออาจบวมลามไปถึงใบหน้าได้ ซึ่งเป็นระยะที่อันตรายที่สุด
วิธีการรักษาฟันผุมีอะไรบ้าง?

แนวทางการรักษาฟันผุจะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ ยิ่งตรวจพบและรักษาได้เร็วเท่าไหร่ ขั้นตอนก็จะยิ่งง่ายและไม่ซับซ้อน
การอุดฟัน
เป็นวิธีรักษาพื้นฐานสำหรับฟันผุในระยะที่ยังไม่ลุกลามถึงโพรงประสาทฟัน (ระยะที่ 1-2) ทันตแพทย์จะทำการกรอเนื้อฟันส่วนที่ผุออกไป แล้วจึงใช้วัสดุอุดฟันเติมเต็มเข้าไปเพื่อคืนรูปร่างและความแข็งแรงให้ฟันซี่นั้นกลับมาใช้งานได้ตามปกติ
การรักษารากฟัน
เมื่อฟันผุลุกลามเข้าสู่โพรงประสาทฟันแล้ว (ระยะที่ 3) การอุดฟันเพียงอย่างเดียวไม่สามารถรักษาได้อีกต่อไป จำเป็นต้องทำการรักษารากฟัน เพื่อกำจัดเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อภายในโพรงประสาทฟันออกไปให้หมด ทำความสะอาดคลองรากฟัน แล้วจึงอุดปิดให้แน่นหนา เป็นการรักษาฟันซี่นั้นไว้โดยไม่ต้องถอน
การครอบฟัน
มักเป็นขั้นตอนที่ทำต่อเนื่องหลังการรักษารากฟัน หรือในกรณีที่ฟันผุเป็นบริเวณกว้างจนเนื้อฟันที่ดีเหลือน้อยเกินไป การทำครอบฟันจะช่วยปกป้องและเสริมความแข็งแรงให้ตัวฟันที่เปราะบาง ป้องกันการแตกหักในอนาคต
การถอนฟัน
ถือเป็นทางเลือกสุดท้าย จะทำในกรณีที่ฟันผุลุกลามอย่างรุนแรง (ระยะที่ 4) หรือโครงสร้างฟันถูกทำลายไปมากจนไม่สามารถบูรณะกลับมาได้อีกต่อไป ซึ่งหลังจากถอนฟันแล้ว ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อวางแผนการใส่ฟันปลอมทดแทนต่อไป
วิธีป้องกันฟันผุ ทำได้อย่างไร?
การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษาเสมอ คุณสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดฟันผุได้ง่าย ๆ ด้วยการดูแลตัวเองดังนี้
- ดูแลความสะอาดอย่างถูกวิธี : แปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ให้สะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และที่สำคัญคือต้องใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟันทุกวัน
- ปรับพฤติกรรมการกิน : ลดความถี่ในการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและแป้งสูง โดยเฉพาะการกินจุบจิบระหว่างมื้ออาหาร
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ : การดื่มน้ำเปล่าบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังมื้ออาหาร จะช่วยชะล้างเศษอาหารและลดความเป็นกรดในช่องปากได้ดี
- พบทันตแพทย์เป็นประจำ : การตรวจสุขภาพฟันและขูดหินปูนทุก 6 เดือน จะช่วยให้สามารถตรวจพบฟันผุได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ทำให้รักษาง่ายและประหยัดค่าใช้จ่าย
ทำไมต้องรักษาฟันผุที่ Teeth Talk Dental Clinic?

เราเข้าใจดีว่าการรักษาฟันผุอาจทำให้หลายคนกังวล ที่ Teeth Talk Dental Clinic เราจึงมุ่งมั่นมอบประสบการณ์การรักษาที่ดีที่สุดให้คุณ
- ทีมทันตแพทย์มากประสบการณ์ : เรามีทีมทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาฟันผุทุกระดับได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
- เทคโนโลยีที่ทันสมัย : เราใช้เครื่องเอ็กซเรย์ดิจิทัลที่ให้ภาพคมชัดและลดปริมาณรังสี ช่วยให้ตรวจพบฟันผุในระยะเริ่มต้นได้แม้ในจุดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
- การรักษาที่นุ่มนวล ใส่ใจความรู้สึก : เราให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคนไข้เป็นอันดับแรก ทุกขั้นตอนการรักษาจึงเน้นความเบามือ สื่อสารอย่างเข้าใจ และสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายที่สุด
- วางแผนการรักษาแบบองค์รวม : เราไม่ได้มุ่งเน้นแค่การอุดฟันที่ผุ แต่ยังมองไปถึงการวางแผนสุขภาพช่องปากในระยะยาว ให้คำแนะนำในการดูแลเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหากลับมาเกิดซ้ำ
หากคุณมีอาการเสียวฟัน ปวดฟัน หรือสงสัยว่าตัวเองอาจมีฟันผุ อย่าปล่อยทิ้งไว้ ให้ทีมทันตแพทย์ของเราได้ดูแล สามารถนัดหมายเพื่อเข้ามาปรึกษาและตรวจเช็กสภาพฟันที่คลินิกทำฟันของเรา เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟันผุ (FAQ)
ยังมีข้อสงสัยค้างคาใจอยู่ใช่ไหม? เราได้รวบรวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับฟันผุมาตอบให้คุณแล้วที่นี่
ฟันผุหายเองได้ไหม?
ฟันผุไม่สามารถหายเองได้ เพราะเนื้อฟันที่ถูกทำลายไปแล้วร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาทดแทนได้ มีเพียงฟันผุในระยะเริ่มต้นมาก ๆ ที่ยังเป็นแค่รอยขาวขุ่นซึ่งสามารถใช้ฟลูออไรด์ช่วยฟื้นฟูได้ แต่หากเกิดเป็นรูแล้วจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยทันตแพทย์เท่านั้น
ฟันผุปล่อยไว้นานจะเป็นอะไรไหม?
การปล่อยฟันผุไว้นานจะทำให้การผุลุกลามลึกขึ้นเรื่อย ๆ นำไปสู่การปวดฟันรุนแรง การติดเชื้อ เหงือกบวมเป็นหนอง ฟันผุทะลุโพรงประสาท จนอาจต้องรักษารากฟัน หรือถอนฟันในที่สุด ซึ่งทำให้เสียเวลาและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการอุดฟันตั้งแต่เนิ่น ๆ
จะรู้ได้อย่างไรว่าฟันผุถึงรากแล้ว?
สัญญาณที่ชัดเจนคืออาการปวดรุนแรงมากจนทนไม่ไหว ปวดตุบ ๆ ตามจังหวะชีพจร ปวดมากตอนกลางคืน หรืออาจสังเกตเห็นตุ่มหนองเกิดขึ้นที่เหงือกบริเวณซี่ที่ปวด หรือมีอาการบวมที่ใบหน้า
ฟันเป็นรู ปวดมาก ทำอย่างไรดี?
หากมีอาการปวดฟันรุนแรงจากฟันผุเป็นรู เบื้องต้นสามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการก่อนได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องรีบมาพบทันตแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะอาการปวดรุนแรงเป็นสัญญาณว่าการติดเชื้อได้ลุกลามถึงโพรงประสาทฟันแล้ว และจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
ฟันผุแบบไหนอุดไม่ได้?
โดยทั่วไปคือฟันที่ผุลุกลามเข้าไปถึงโพรงประสาทฟันแล้ว หรือฟันที่ผุเป็นบริเวณกว้างมากจนเนื้อฟันที่ดีเหลืออยู่น้อยเกินไป ซึ่งอาจต้องรักษาด้วยวิธีการรักษารากฟันและทำครอบฟันแทนการอุดฟัน
ฟันผุรักษากี่บาท?
ค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงและวิธีการรักษา โดยการอุดฟันจะมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ในขณะที่การรักษารากฟันและทำครอบฟันจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามลำดับ ซึ่งคุณสามารถเช็กอัตราค่าบริการรักษาทันตกรรมของ Teeth Talk Dental Clinic ได้ ที่นี่ เลย
ฟันผุสามารถหลุดเองได้หรือไม่?
ตัวฟันที่ผุมาก ๆ อาจจะเปราะและแตกหักไปทีละส่วนจนดูเหมือนฟันหลุดไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้วรากฟันที่ติดเชื้อจะยังคงฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกร ซึ่งอาจกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้ ไม่ใช่การหลุดที่ดีต่อสุขภาพ
สรุป อย่าปล่อยให้ฟันผุทำลายรอยยิ้มของคุณ
ฟันผุเป็นปัญหาที่สามารถป้องกันได้ และการตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยให้การรักษาง่าย ไม่เจ็บ และประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุด กุญแจสำคัญสู่สุขภาพช่องปากที่ดีคือการดูแลความสะอาดอย่างสม่ำเสมอและพบทันตแพทย์เป็นประจำ หากคุณมีอาการน่าสงสัย หรือต้องการตรวจสุขภาพฟัน อย่าลังเลที่จะเข้ามาปรึกษาทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเรา สามารถติดต่อได้ที่ เบอร์โทร 099-113-8103 หรือ Line : @teethtalk หรือ Facebook Page : “Teeth Talk Dental Clinic คลินิกทันตกรรม จัดฟัน ทำฟัน” ทีมงานของเราพร้อมดูแลและมอบรอยยิ้มที่มั่นใจให้กับคุณ





